กิ่วคอควาย ณ บ้านสามขา
National Geographic Photography Contest 2015, http://www.ngthai.com/PhotographyContest2015/Default.aspx
ตะวัน ตันติกุล - 29 สิงหาคม 2558
ในช่วงกลางเดือน สิงหาคม ซึ่งปกติแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ฝนจะเริ่มมาเยือนในหลายๆพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งทำให้ผู้คนจะได้คลายความร้อนที่จำต้องทนมาตลอดทั้งช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาในฤดูร้อน ไปได้บ้าง ในช่วงนี้ ปกติแล้วจะเป็นที่รู้กันดีว่า หากจะเดินทางท่องเที่ยวในเมืองไทย ก็ควรจะขึ้นมาสัมผัสกับวัฒนธรรมและธรรมชาติทางภาคเหนือ เพราะจะเป็นหน้ามรสุมของทางจังหวัดทางภาคใต้ของไทย
ดังนั้น กลุ่มของนักท่องเที่ยวสมัครเล่นอย่างพวกเรา จึงคว้าโอกาสที่เราไม่ค่อยจะหาได้มากนักที่จะเปิดโอกาสให้พวกเราทุกคนได้มาเดินทางร่วมกันอย่างครั้งนี้ มาเยี่ยมเยือนเมืองลำปาง เมืองที่มีการก้าวเข้ามาของความเจริญในหลายด้านในช่วงสองปีที่ผ่านมา เมืองที่เต็มไปด้วยความเชื่อโบราณ และวัฒนธรรมของผู้คนที่ยังคงถูกรักษาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี โดยที่เป้าหมายในการเดินทางของเรานั้นจะต่างกับจุดหมายของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเยือนที่นี่ ซึ่งเป้าหมายของเราก็คือ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ที่ชื่อว่าหมู่บ้านสามขา
ในวันแรกที่เรามาถึงเมืองลำปาง เราได้ถือโอกาส เที่ยวในบริเวณตัวเมือง ที่เต็มไปด้วยวัดเก่าแก่หลายแห่ง อย่างเช่น วัดพระแก้วดอนเต้า หรือ วัดปงสนุก ในวันนี้ อากาศในเมืองลำปางไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคาดหวังเอาไว้ ถึงแม้ว่า เมื่อมองไปบนท้องฟ้า เรายังสามารถที่จะเห็น เมฆปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ ที่เรายังสามารถใช้เป็นร่มธรรมชาติในการบังแสงแดดจัดในตอนกลางวันได้บ้าง
รูปที่ 1 ท้องฟ้าในวันเดินทาง
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้ช่วยให้ความร้อนระอุ ในช่วงบ่ายๆของวันแรกที่มาถึงที่นี่ของเราลดลงไปมากนักเลย และดูเหมือนว่า จะไม่ใช่แค่ผู้มาเยือนอย่างเราที่ต้องขอยอมยกธงขาวให้กับ ความร้อนที่นี่ ถึงแม้เจ้าถิ่น อย่าง
เจ้าหมาตัวนี้ ซึ่งเราพบในวัดปงสนุก ก็ต้องหาทางออกโดยแช่น้ำในบ่อน้ำส่วนตัว ของมันอย่างสบายใจ เราจึงถือโอกาสขอเก็บภาพที่น่ารักนี้เอาไว้
รูปที่ 2 ลำปางร้อนมาก
จากนั้นกลุ่มของเราจึงเดินทางต่อ ออกนอกเมือง มุ่งหน้าไปสู่ อำเภอแม่ทะ ตำบลหัวเสือ เพื่อที่จะไปสู่จุดหมายของการเดินทางของเรา บ้านสามขา
ที่นี่ ที่หมู่บ้านสามขา ไม่ใช่ที่ที่แปลกสำหรับเราบางคนในกลุ่ม เพราะ ที่นี่แม้จะเป็น หมู่บ้านเล็กๆที่ดูเหมือนจะห่างไกลจากการพัฒนาตามบริบทของคนเมือง แต่ในความเป็นจริงแล้ว หมู่บ้านนี้เป็นสถานที่ที่คนจากหลากหลายพื้นที่ต้องพยายามขวนขวายหาทางติดต่อ เพื่อเข้ามาเยี่ยมชม เพราะที่นี่ เป็นมากกว่าหมู่บ้านที่มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิต ที่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี เป็นมากกว่าสถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่ยังปราศจากพิษร้ายจากสังคมเมือง แต่มันเป็นเต็มไปด้วยบทเรียนของการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ บทเรียนจากผู้คนที่เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตและแก้ปัญหาของเขาด้วยความสามารถของตนเอง ไม่รอคอยความหวังลมๆแล้งๆจากภาครัฐ
ข้าว เป็นผลผลิตหลักจากหมู่บ้านนี้ ถัดจากของป่าที่ชาวบ้านสามารถหาได้จากป่ารอบๆหมู่บ้าน เพื่อนำมาทำอาหาร หรือ เพื่อนำไปขาย ในปีนี้ ดูเหมือนว่าแม้แต่ชุมชนอย่างบ้านสามขา ที่ชาวบ้านร่วมมือกันรักษาต้นนำ้บนเขา อย่างเข็มแข็งและทำให้ชุมชมสามารถมีน้ำเพื่อเพาะปลูกได้ แม้ในช่วงเวลาที่แห้งแล้งมากๆ ก็ยังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่ทำให้ฝนขาดช่วงไปนาน
รูปที่ 3 ข้าว
หากแต่ว่า ภาพแรกที่เราเห็นเมื่อเข้าสู่เขตหมู่บ้าน คือทุ่งนาที่ชุ่มฉ่ำเขียวขจี ที่ชาวบ้านกำลำงดำนา กันอยู่ในช่วงนี้ และจากผลของการร่วมมือกันวางแผนในการใช้น้ำเพื่อเพราะปลูกเป็นอย่างดี ทำให้ เรา ยังเห็น น้ำที่ไหลผ่านมายังที่นาของชาวบ้าน อย่างไม่มีทีท่าว่าจะพวกเขากำลังต้องต่อสู้กับสภาวะแห้งแล้งของปีนี้เลย
ในอดีตบ้านสามขา ต้องประสบปัญหาอย่างเดียวกับชาวนาในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ คือ ความยากจน และหนี้ พวกเขาถูกคนเมืองทำให้เชื่อว่าเขาไม่มีความรู้และต้องคอยแต่รอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ที่ให้ความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาได้แค่ปลายเหตุเท่านั้น ทำให้ปัญหาเดิมๆนี้ไม่เคยหายไปเลย จากการเข้ามาช่วยคิด ช่วยถาม และช่วยทำ ขององค์กรภาคเอกชน ทำให้ชาวบ้านเริ่มที่จะรวมตัวกันที่จะเรียนรู้และหาทางออกของปัญหาด้วยตนเอง ทำยังไงให้เรามี “น้ำ” ในการใช้เพาะปลูกและสามารถสู้กับสภาพแห้งแล้งที่ต้องเผชิญกันอยู่ทุกปีได้ คือ สิ่งที่ชาวบ้านเริ่มถาม และนี่เองที่ทำให้ การรักษาป่าที่เป็นจุดกำเนิดของแหล่งน้ำ เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของชาวบ้าน และในที่สุด เขาก็ได้ “ชีวิต” ของพวกเขาคืนมา
รูปที่ 4 “น้ำ”
เป้าหมายอย่างหนึ่งของเรา เมื่อมาถึงที่บ้านสามขานี้ คือ การพิชิต ยอดเขาของที่นี่ให้ได้ ดังนั้น ในวันต่อมา เราจึงเดินทางขึ้นภูเขาด้วยเป้าหมายที่จะพิชิต “กิ่วคอควาย” ที่มีชื่อเสียงของที่นี่
การขึ้นภูเขาของเรา เราออกเดินทางกันแต่เช้าเพื่อที่จะไปถึงยอดเขาให้ได้ก่อนเที่ยง โดยที่มีพี่พนม ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้านสามขา ที่ช่วยมานำทางให้เราในวันนี้ ในการเดินขึ้นเขานั้นใช้เวลา เกือบสองชั่วโมง ที่ต้องเดินทางขึ้นทางลาดชัน เกือบจะตลอดเวลา ซึ่งทำให้พวกเรามีความเหนื่อยล้ามาก ในช่วงแรกนี้จึงถือเป็นช่วงที่ทดสอบความตั้งใจของพวกเราจริงๆ เมื่อเดินขึ้นมาผ่านช่วงที่เป็นทางลาดชันมาสู่ทางราบ พวกเราก็เริ่มรู้สึกถึงสายลมเย็นที่ค่อยๆพัดผ่าน ซึ่งนี่เป็นสัญญาณว่า เราได้เข้ามาใกล้ยอดเขาแล้ว
ที่ยอดเขา เราพบทางเดินแคบๆ ที่พื้นเต็มไปด้วยเศษหินแตก ที่ทำให้เราต้องระวังในการเดินเป็นอย่างมาก เพราะสองข้างทางของทางเดินนี้ เป็นหน้าผาสูงชัน การเคลื่อนไหวบนนี้ จึงเต็มไปด้วยความหวาดเสียวและความตื่นเต้น แต่ปราศจากความเหน็ดเหนื่อยที่มาจากการขึ้นเขา เพราะที่นี่คือ เป้าหมายของเรา ในที่สุดพวกเราก็ขึ้นมาถึง “กิ่วคอควาย”
รูปที่ 5 กิ่วคอควาย
จากบนนี้เราสามารถมองออกไปไกลเห็นถึงตัวเมืองลำปาง หรือถึงโรงไฟฟ้าแม่เมาะ วิวข้างบนนี้ทำให้พวกเราอยากจะใช้เวลาอยู่บนนี้นานๆ เพราะมันช่วงสวยงานและทำให้พวกเราประทับใจมากจริงๆ
รูปที่ 6 เมืองลำปาง
ในระหว่างที่พวกเรากำลังสาละวนกับการเก็บภาพ ความประทับใจ อยู่บนยอดเขานี้ พี่พนมก็ได้เล่าเรื่องที่เกี่ยวกับความพยายามของชาวบ้านสามขาในการสู้กับไฟป่า ที่คนทั้งหมู่บ้านมีส่วนในการร่วมมือกันป้องกันป่าที่เขารัก จากไฟป่าที่เกิดขึ้นทุกปีจากความแห้งแล้ง ซึ่งไฟป่าและความแห้งแล้งนี่เองที่เป็นสาเหตุหลักของปัญหาทุกอย่างที่คนในชุมชนนี้พบเจอในอดีต ซึ่งในจังหวะนั้นนั่นเอง ที่พี่พนมมองไปที่ ร่องรอยของป่าไม้ที่ถูกทำลายไปโดยไฟป่า พร้อมทั้งแสดงถึงความเสียดายที่ เขาและชาวบ้าน ไม่สามารถที่จะป้องกันป่าที่พวกเขารักเอาไว้ได้ ในจังหวะนี้นี่เองที่เรารู้สึกว่า ที่บ้านสามขานี้ “คน” และ “ป่า” อยู่ร่วมกัน อย่างเป็นหนึ่งเดียวกันไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ที่บ้านสามขานี้ ความรัก ของคน ต่อป่า ทำให้พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทางที่จะป้องกันอันตรายไม่ว่าจาก ธรรมชาติหรือจากคนภายนอก ที่จะเกิดต่อป่า และ เช่นเดียวกัน ป่า ก็ให้ความรัก กับคน โดยการให้พืชพันธ์ อาหาร และน้ำ ให้กับคนในการดำรงชีวิต
รูปที่ 7 “คน” + “ป่า”
เราใช้เวลาอยู่บนยอดเขา เพื่อชื่นชมวิว ทิวทรรศ อยู่สักพักหนึ่ง แสงแดดก็เริ่มแรงขึ้นเพราะเริ่มใกล้เทียงวันแล้ว พวกเราจึงตัดสินใจที่จะเดินลงเขา เพื่อที่จะกลับไปสู่หมู่บ้าน แต่ก่อนที่จะเดินออกจากกิ่ว เราก็พบ กล้วยไม้ป่าที่เป็นดอกไม้อย่างเดียวที่อยู่บนยอดเขานี้ พวกมันเติบโตอย่างสวยงามจนทำให้เราประหลาดใจ ว่า มันขึ้นมาอยู่บนยอดเขานี้ได้อย่างไร เพราะบนนี้เต็มไปด้วยหิน และ มีลมพัดผ่านค่อนข้างแรงในบางช่วงของวัน ความงดงามของมันทำให้เราต้องหยุดและบันทึกภาพเอาไว้ นี่เองที่ทำให้เรานึกถึงการที่คนที่บ้านสามขานี้ พยายามอย่างไม่ย่อท้อที่จะต่อสู้ต่ออุปสรรค ที่พวกเขาต้องเผชิญตลอดมา พยายามที่จะหาทางเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองและเกี่ยวกับปัญหาเพื่ออยู่ไปกับมัน และในที่สุดความพยายามนี้ ก็ทำให้พวกเขาสามารถพัฒนา เติบโต ได้อย่างสวยงาม เหมือนกับ กล้วยไม้ป่าที่เติบโตได้อย่างสวยงานแม้ในพื้นที่ที่เป็นอุปสรรคกับการมีอยู่ของตัวมันเอง
รูปที่ 8 “พยายาม”
ในช่วงขากลับลงเขา นี้ ความเหนื่อยล้า จากการเดินทางก็กลับมาหาพวกเราอีกครั้ง ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าการเดินลงเขานี้มันช่างไกลเหลือเกิน แต่ในที่สุดเราก็สามารถกลับมาถึงหมู่บ้านสามขาพร้อมกับความอิ่มเอมใจกับความสำเร็จอย่างเราตั้งเป้าหมายเอาไว้ การเดินทางมาลำปางในครั้งนี้ ไม่เสียเที่ยวจริงๆ ภาพความประทับใจ และประสบการณ์ที่เราได้รับ จะคงอยู่กับพวกเราไปอีกนาน
ขอบคุณ บ้านสามขา เราจะจดจำช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ ตลอดไป
รูปที่ 9 “ขอบคุณ”
No comments:
Post a Comment